การต่อสู้ระหว่าง ค.ศ. 1459-ค.ศ. 1460 ของ สงครามดอกกุหลาบ

ปราสาทลัดโลว์, เซาธ์ชร็อพเชอร์

หลังจากดยุกแห่งยอร์กกลับมาจากไอร์แลนด์โดยไม่ได้รับการอนุญาตแล้วการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไป ดยุกแห่งยอร์คเรียกตระกูลเนวิลล์ให้มาสมทบที่ที่มั่นที่ปราสาทลัดโลว์ ในยุทธการที่บลอร์ฮีธในสตัฟฟอร์ดเชอร์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1459 ฝ่ายแลงแคสเตอร์ก็ไม่สามารถหยุดยั้ง ริชาร์ด เนวิลล์ เอิร์ลที่ 5 แห่งซอลสบรี จากการเดินทัพไปยังปราสาทมิดเดิลแลมในยอร์กเชอร์เพื่อไปยังสมทบกันที่ลัดโลว์ได้ หลังจากนั้นกองกำลังของฝ่ายยอร์กที่ได้รับกำลังหนุนก็เผชิญหน้ากับกองทัพฝ่ายแลงแคสเตอร์ที่ใหญ่ขึ้นในยุทธการที่ลัดฟอร์ดบริดจ์ กองกำลังของวอริกจากกาเลภายใต้การนำของแอนดรูว์ ทรอลล็อปเปลี่ยนข้างไปเข้ากับฝ่ายแลงแคสเตอร์ ฝ่ายผู้นำของยอร์กจึงจำต้องหนีร่น ดยุกแห่งยอร์กกลับไปไอร์แลนด์ และเอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ช (ลูกชายคนโตของดยุกแห่งยอร์ค) เอิร์ลแห่งซอลสบรี และเอิร์ลแห่งวอริคหนีไปคาเลส์

หลังจากนั้นฝ่ายฝ่ายแลงแคสเตอร์ก็กลับมามีอำนาจ ฝ่ายยอร์คและผู้สนับสนุนถูกประกาศว่าเป็นกบฏต่อแผ่นดิน การที่จะได้ตำแหน่ง ที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์คืนมาก็ด้วยการรุกรานเท่านั้น ดยุกแห่งซัมเมอร์เซ็ทถูกส่งไปเป็นข้าหลวงแห่งคาเลส์ ซัมเมอร์เซ็ทพยายามขับไล่เอิร์ลแห่งวอริคออกจากคาเลส์แต่ก็ไม่สำเร็จ ฝ่ายยอร์คกล้าถึงกับเริ่มส่งเรือมารุกรานอังกฤษจากคาเลส์ ที่ทำให้บ้านเมืองยิ่งระส่ำระสายมากขึ้น วอริคเดินทางไปไอร์แลนด์เพื่อไปร่วมวางแผนกับดยุกแห่งยอร์คโดยเลี่ยงเรือหลวงที่พยายามกีดกันที่นำโดยเฮนรี ฮอลแลนด์ ดยุกแห่งเอ็กซิเตอร์ที่ 3 (Henry Holland, 3rd Duke of Exeter) ได้อย่างง่ายดาย[6]

ในปลายเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1460 วอริก ซอลสบรี และ เอ็ดเวิร์ด เอิร์ลแห่งมาร์ชก็ข้ามช่องแคบอย่างรวดเร็วมาตั้งที่มั่นอยู่ที่เค้นท์และลอนดอนและได้รับการสนับสนุนจากประชาชนโดยทั่วไปอย่างกว้างขวาง รวมทั้งการสนับสนุนจากผู้แทนของสันตะปาปา จากนั้นฝ่ายวอริคก็เดินทัพขึ้นเหนือ พระเจ้าเฮนรีก็ทรงนำทัพลงมาทางใต้เพื่อที่จะมาต่อต้านฝ่ายยอร์ก ขณะที่มาร์กาเรตยังคงประทับอยู่ทางเหนือกับพระราชโอรส ในยุทธการที่นอร์แธมป์ตันเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ฝ่ายยอร์กที่นำโดยวอริคก็มีชัยต่อฝ่ายแลงคาสเตอร์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่ทรยศต่อพระเจ้าเฮนรี พระองค์ทรงถูกทิ้งไว้ให้ฝ่ายยอร์คจับตัวไปได้อีกครั้งหนึ่งและนำตัวเดินทางกลับไปยังลอนดอน